ปัญหาพฤติกรรม พัฒนาการเด็ก ติดพ่อแม่ ติดมือ ร้องกลั้น ร้องไห้มาก
โบราณว่าถ้าอุ้มเด็กมากไปจะทำให้เด็กติดมือ ไม่ยอมทำอะไรเอง แต่ตามหลักพัฒนาการเด็กสมัยใหม่พบว่า ถ้าตอบสนองเด็กให้ตรงกับความต้องการพื้นฐาน อุ้มบ่อยๆ สัมผัส เล่น คุยด้วยบ่อยๆ จะยิ่งทำให้ทารกเรียนรู้ และมีพัฒนาการเร็ว รวมทั้งเป็นการสร้างความผูกพันไว้วางใจในพ่อแม่อีกด้วย ทั้งนี้เนื่องจาก เมื่อเด็กมีความสุข และมีความมั่นใจในตัวพ่อแม่แล้ว เด็กก็อยากเล่น และค่อยๆแยกห่างจากพ่อแม่เพื่อสำรวจสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น เมื่ออายุ 8-12 เดือน ลูกจะเริ่มคลานออกไปเล่นห่างจากพ่อแม่ได้ แต่เมื่อมีคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้ๆ หรือมีสิ่งที่ทำให้ไม่แน่ใจในสถานการณ์รอบข้าง ลูกจะรีบคลานกลับมาหาพ่อแม่ทันที และเมื่ออายุ 1 ปี ลูกเดินได้ ก็เริ่มออกห่างพ่อแม่ได้ด้วยความมั่นใจ
สาเหตุของเด็กติดพ่อแม่
1. เป็นช่วงพัฒนาการปกติใน 1 ปีแรก
2. เด็กไม่เชื่อมั่นในตัวพ่อแม่ กลัวว่าจะหายไปโดยเฉพาะในเวลาที่คนแปลกหน้าเข้ามาใกล้ๆ ในช่วง 8 เดือน-2 ปี
3. พ่อแม่ช่วยเหลือลูกมากทุกอย่าง ทำให้ลูกรักสบาย ไม่ช่วยเหลือตัวเอง ต้องพึ่งพาพ่อแม่ตลอดเวลา
4. การเลี้ยงดูที่มีการแสดงออกถึงความรักและความเอาใจใส่ที่ไม่สม่ำเสมอหรือไม่ชัดเจนทำให้เด็กสับสน ไม่ไว้วางใจ
วิธีการแก้ไข
1. เข้าใจพัฒนาการของเด็กแต่ละวัย และตอบสนองให้ตรงกับความต้องการพื้นฐาน แต่มิใช่ยอมให้เด็กทำอะไรก็ได้ตามใจตนเอง
2. ฝึกฝนให้เด็กช่วยตัวเองให้มากที่สุดตั้งแต่เล็ก เช่น ให้ถือขวดนมเอง ให้หยิบจับ คว้าของเล่น
ด้วยตนเอง ให้เด็กไปหยิบของเล่นเอง เป็นต้น
3. ให้ความใกล้ชิด สม่ำเสมอ และอยู่ใกล้ลูกเมื่อลูกต้องการพ่อแม่ทุกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เด็กกลัว หรือไม่แน่ใจ
4. สร้างบรรยากาศภายในบ้านให้สงบ ราบรื่น สนุกสนาน ลดบรรยากาศเสียงดังที่ทำให้เด็กตกใจบ่อยๆ
ร้องกลั้น
เมื่อเด็กโกรธ เจ็บปวดหรือถูกขัดใจ อาจแสดงออกโดยการร้องไห้อย่างรุนแรงแล้วกลั้นหายใจในระยะสั้นๆ ทำให้มีอาการตัวอ่อน ริมฝีปากและตัวเขียวคล้ำ หมดสติ หรือมีอาการเกร็ง แอ่นตัวไปข้างหลังร่วมด้วยได้ โดยมักมีอาการไม่เกิน 1-2 นาที เด็กจะกลับมาร้สู กึ ตวั และร้องไห้ใหม่ อาการร้องกลนั้ หายใจนี้ส่วนใหญ่จะเริ่มเกิดได้ในช่วงอายุ 6-24 เดือน และมักหายไปเองได้ก่อนอายุ 5 ปี อาการดังกล่าว ทำให้พ่อแม่วิตกกังวลและตกใจมาก จนมักจะยอมตามใจลูกทุกอย่างเมื่อลูกร้องไห้ทำให้เด็กเรียนรู้ที่จะใช้การร้องไห้เพื่อเรียกร้องให้ได้สิ่งที่ต้องการ อาการนี้จึงอาจเกิดซ้ำๆ ได้บ่อยขึ้น
สาเหตุที่เด็กร้องกลั้น
1. ลักษณะพื้นฐานทางอารมณ์ของเด็กที่ส่งผลต่อการควบคุม และการแสดงออกทางอารมณ์ ซึ่งมีความแตกต่างกันในแต่ละราย อาการร้องกลั้นเป็นการแสดงความโกรธ กลัว เจ็บปวด หรือการถูกขัดใจของเด็กอย่างหนึ่ง
2. การเลี้ยงดูที่มีการควบคุม ห้ามปราม หรือกระตุ้นให้เด็กโกรธมากเกินไป
3. การตอบสนองของพ่อแม่เมื่อเกิดอาการ โดยการตามใจ ทำให้ลูกแสดงอาการมากขึ้น
วิธีการแก้ไข
เด็กปกติที่กลั้นหายใจ 1-2 นาที ซึ่งอาจทำให้ตัวอ่อนหรือปากเขียวนั้น ร่างกายของเด็กจะปรับให้เด็กกลับมาหายใจได้เองโดยอัตโนมัติ อาการต่างๆ ที่เกิดจากการร้องกลั้นหายใจนี้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายหรือพัฒนาการของเด็ก ซึ่งโดยปกติอาการนี้จะค่อยๆ ลดน้อยลงและหายไปเองได้หลังอายุ 2-3 ปี ดังนั้น
1. ในรายที่มีอาการครั้งแรก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจประเมินว่ามีความผิดปกติของระบบ
หัวใจ และระบบประสาทหรือไม่
2. ป้องกันการเกิดอาการ โดยหลีกเลี่ยงการกระตุ้นให้เด็กกลัว ตกใจ หรือโกรธ หลีกเลี่ยงการบังคับหรือขัดใจ
ร้องไห้มาก
ทารกแรกเกิดช่วงแรกมักจะนอนมาก ไม่ค่อยร้องกวน จนเมื่ออายุ 2 สัปดาห์ขึ้นไปจะพบว่าทารก ปกติอาจร้องไห้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีสาเหตุชัดเจนได้ ทำให้พ่อแม่และผู้เลี้ยงดูเกิดความวิตกกังวลได้ โดยธรรมชาติ เมื่อทารกอายุประมาณ 6-8 สัปดาห์ จะร้องไห้โดยเฉลี่ยวันละ 2.75 ชั่วโมง หลังจากนั้น
เมื่ออายุ 10-12 สัปดาห์ ทารกจะร้องไห้น้อยลงเหลือประมาณวันละ 1 ชั่วโมง ซึ่งการร้องไห้นี้ไม่ส่งผลเสียใดๆ ต่อร่างกายหรือพัฒนาการของทารก
สาเหตุของการร้องไห้
1. หิว
2. เหนื่อย เพลีย อยากนอน
3. จุก เนื่องจากกินนมเข้าไป และเรอออกไม่หมด
4. รำคาญ เช่น ผ้าอ้อมเปียก ถุงมือรัดนิ้ว เป็นต้น
5. เจ็บปวด เช่น ปวดท้อง ปวดหูจากหูอักเสบ มดกัด
6. อ้อน อยากให้แม่อุ้ม
7. ไม่ได้ดังที่ต้องการเนื่องจากพ่อแม่ไม่เข้าใจ
8. ได้รับความวิตกกังวล ถ่ายทอดมาจากผู้เลี้ยงดู
วิธีการช่วยเหลือ
1. สังเกตพฤติกรรมและลักษณะพื้นฐานทางอารมณ์ของลูก เพื่อที่จะได้ตอบสนองให้ตรงกับความ
ต้องการ พ่อแม่ควรตอบสนองความต้องการของลูกในช่วงอายุ 6 เดือนแรกโดยทันที ตามที่ลูกต้องการ เพื่อให้ลูกเรียนรู้ที่จะไว้ใจพ่อแม่ ทำให้เกิดความรู้สึกผูกพันที่มั่นคง เชื่อมั่นว่าพ่อแม่จะสามารถช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาได้ การอุ้มและสัมผัสทารกอย่างสม่ำเสมอระหว่างวัน สามารถช่วยให้ทารกร้องไห้ลดลงได้
2. สร้างบรรยากาศสบายๆ ในการเลี้ยงดู พ่อแม่ควรผ่อนคลาย ไม่วิตกกังวลมากไป อาจหาคนมาช่วยแบ่งเบาภาระในการดูแลลูกบ้าง ผู้เลี้ยงดูควรผลัดกันดูแล อุ้ม ปลอบโยนเด็ก อาจเปิดเพลงเบาๆหรือถ้าเด็กร้องอยู่นานจนเหงื่อแตกก็ให้เช็ดตัว หรืออาบน้ำให้สดชื่น
3. ปรึกษาแพทย์ หากสงสัยว่ามีความผิดปกติของร่างกาย เช่น หูอักเสบ ไม่สบาย ฯลฯ
4. พ่อแม่ควรปรับอารมณ์ ไม่เครียดหรือวิตกกังวลมากไป ควรเข้าใจว่าการร้องไห้ของลูกเป็นเรื่องธรรมชาติของทารก หากตรวจแล้วไม่พบความผิดปกติ
#เสริมพัฒนาการ, #ของเล่น #ฝึกพัฒนาการเด็ก, #พัฒนาการเด็ก, #ทักษะการเรียนรู้, #เสริมพัฒนาการเด็ก, #เสริมทักษะ, #brainschool, #ของเล่นฝึกสมาธิเด็ก, #ของเล่นเสริมพัฒนาการ, #ของเล่นพัฒนาสมอง, #ฝึกพัฒนาการลูกน้อย, #เสริมทักษะลูกน้อย,#ลูกพูดช้า, #ลูกไม่พูด, #โรงเรียนเสริมพัฒนาการ,#โรงเรียนเสริมทักษะนนทบุรี, #เรียนเสริม, #สมาธิซนอยู่ไม่นิ่ง #เด็ก2ขวบ #เด็ก3ขวบ #เด็ก4ขวบ#เด็ก5ขวบ #เด็ก6ขวบ
📚#คอร์สพัฒนาศักยภาพสมองเชาวน์ปัญญา #เสริมพัฒนาเด็กปฐมวัย 2-6 ปี