เด็กกลัวการไปโรงเรียน/ปฏิเสธการไปโรงเรียน

เด็กส่วนมากชอบไปโรงเรียน แต่เด็กจํานวนหนึ่งปฏิเสธที่จะไปโรงเรียนเนื่องจากมีปัญหาทางอารมณ์เรียกว่า เด็กไม่อยากไปโรงเรียน หรือเด็กกลัวไปโรงเรียน (school refusal)
เด็กกลัวไปโรงเรียน แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
1. แบบเฉียบพลัน (acute onset) ส่วนมากพบในเด็กเล็ก อายุ 5-7 ปีและพบร่วมกับโรควิตกกังวลจากการพลัดพราก
2. แบบเรื้อรัง (chronic onset) ส่วนมากพบในเด็กโต อายุ 11-14 ปีเป็นช่วงที่เด็กย้ายโรงเรียน ย้ายจากชั้นประถมเป็นชั้นมัธยมศึกษา โดยเริ่มแรกเด็กจะแยกตัวออกจากเพื่อนๆ ต่อมามีอาการซึมเศร้าและวิตกกังวลตามมา

ลักษณะอาการ
เด็กจะเริ่มแสดงอาการด้วยการบ่นไม่อยากโรงเรียน ไม่อยากเรียนหนังสือ ต่อมาปฏิเสธไม่ยอมไปโรงเรียนโดยหาเหตุผลต่างๆ มาอย่างเพื่อจะได้ไม่ต้องไปโรงเรียนหรือไม่ยอมอยู่ที่ โรงเรียนจนถึงเวลาเลิกเรียน แม้จะพยายามปลอบโยน อ้อนวอน บังคับ ขู่เข็ญหรือลงโทษก็ตาม
เด็กกลัวโรงเรียนมักกลัวการพลัดพรากหรือต้องออกจากบ้าน เด็กจะแสดงความวิตก กังวลอย่างมาก และพบร่วมกับอารมณ์เศร้าได้บ่อย เด็กจะไม่สนใจกิจกรรมที่โรงเรียน บางราย ยืนยันว่าจะไปโรงเรียน แต่เมื่อตื่นนอนตอนเช้าเด็กกลับไม่ยอมอาบนํ้าแต่งตัวเพื่อไปโรงเรียน เมื่อผู้ปกครองบังคับขู่เข็ญให้เด็กไปโรงเรียนเด็กจะแสดงความอึดอัดใจ ร้องไห้ แสดงความก้าวร้าวทั้งแตะต่อย ถีบ ไม่ยอมลงจากรถ ไม่ยอมเข้าห้องเรียนหรือไม่ยอมเรียนหนังสือ
เด็กบางคนอาจแสดงอาการทางกาย เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ปวดหัว ใจสั่น เป็นต้น อาการจะเป็นมากในช่วงเช้าก่อนไปโรงเรียนและอาการจะหายไป เมื่อผ่านช่วงเวลา ที่จะต้องไปโรงเรียน ทําให้ผู้ปกครองเข้าใจผิดว่า เด็กแกล้งทํา ในรายที่เป็นรุนแรงอาจมีอาการทั้งวัน อาการจะเป็นมากเมื่อถูกบังคับให้ไปโรงเรียน
เด็กอาจมีพฤติกรรมและอารมณ์แบบเด็กเล็ก ปรับตัวไม่ได้แม้เป็นเรื่องเล็กน้อยที่โรงเรียน มีปัญหากับเพื่อนๆ ไม่สนใจเรื่องเรียนเพราะมัวแต่พะวงสังเกตกับการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เช่น เปลี่ยนครูสอน เพื่อนเล่นแรง ครูเข้มงวด เป็นต้น ในเด็กเล็กจะไม่ยอมแยกจากแม่จะเกาะติดแม่ เดินตามแม่ตลอดเวลา บางรายแสดงอาการกลัวอย่างมาก ในเรื่องอื่น เช่น กลัวความมืด กลัวสัตว์ประหลาด กลัวคน เป็นต้น บางคนดื้อ ชอบโต้เถียง และแสดงอารมณ์ เกรี้ยวกราด เมื่อถูกข่มขู่และท้าทาย แต่เด็กบางคนอาจแสดงความโกรธด้วยการนิ่งเฉยไม่พูดจาหรือให้ความร่วมมือ
เด็กกลุ่มเสี่ยง
◌ มีความเจ็บป่วยต้องหยุดเรียนมาก่อน และเป็นช่วงต้องกลับมาเรียนใหม่ หรือมี
ประวัติหยุดเรียนบ่อยๆ
◌ มีเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในบ้าน เช่นมีบุคคลสำคัญเสียชีวิต การหย่าร้าง
ของพ่อแม่ หรือมีความรุนแรงทำ ร้ายกันในครอบครัวให้เด็กเห็น
◌ มีภาวะทางจิตเวชเด็กเดิมอยู่ก่อน เช่น เป็นเด็กปรับตัวยาก ขี้กังวล ติดแม่ อยู่เดิม
◌ มีประวัติครอบครัวเป็นโรควิตกกังวลหรือโรคซึมเศร้า
สาเหตุที่เด็กไม่ไปโรงเรียน

◌ เด็กมีการปรับตัวต่อความเครียดจากสถานการณ์บางอย่างที่ผิดปกติ เช่น เด็กมีปัญหา
กับเพื่อน เด็กมีปัญหากับครู เด็กมีปัญหาการเรียน เช่น เป็นเด็กที่มีภาวะแอลดี หรือ
มีปัญหาสติปัญญาตํ่ากว่าเกณฑ์ มีปัญหาครอบครัว เป็นต้น
◌ เด็กมีภาวะวิตกกังวลที่เป็นความผิดปกติทางจิตเวช เช่น ภาวะวิตกกังวลต่อการพลัดพราก(Separation anxiety disorder) ซึ่งจะมีอาการ คือ มีความกังวลว่าจะเกิดอันตรายต่อผู้ปกครองหรือตัวเอง เช่น พ่อจะเกิดอุบัติเหตุ แม่จะถูกลักพาตัว ส่งผลให้ไม่ยอมแยกจากพ่อ/แม่ ไม่ยอมอยู่คนเดียว ไม่ยอมนอนคนเดียว ฝันร้ายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ไม่ปลอดภัยต่อครอบครัว ไม่ยอมไปโรงเรียน มีอาการกระสับกระส่าย เมื่อแยกจากพ่อ/แม่
◌ เด็กมีภาวะซึมเศร้า
◌ กลุ่มเด็กหนีเรียน มีปัญหาพฤติกรรม
◌ พ่อแม่ไม่ให้ความสำคัญต่อการเรียน มีปัญหาเศรษฐกิจ เก็บเด็กไว้ที่บ้าน หรือขาดการฝึกวินัย
ขอขอบคุณ
คู่มือการดูแลเด็กวัยเรียน ที่มีปัญหาพฤติกรรม-อารมณ์ สำหรับบุคลากรสาธารณสุข
สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
แนวทางการช่วยเหลือ
การรักษาจําเป็นต้องทํางานร่วมกันเป็นทีม และต้องการความช่วยเหลือจากครูและผู้ปกครอง ขั้นตอนการรักษามีดังนี้
1. การให้ความมั่นใจกับผู้ปกครองเกี่ยวกับอาการทางกายว่าเป็นผลเนื่องจากความวิตก กังวลหลังจากการตรวจร่างกายอย่างละเอียดและไม่พบโรคทางกาย
2. การประสานงานกับครูประจําชั้น ครูแนะแนว และผู้บริหารโรงเรียน ในเรื่องการหยุด เรียน การบ้าน การต้อนรับกลับสู่ชั้นเรียน พร้อมอธิบายปัญหาและสาเหตุที่เด็กไม่อยากไปโรงเรียน
3. การวางแผนกลับโรงเรียน
- อธิบายให้ผู้ปกครองเข้าใจถึงสาเหตุการไม่ไปโรงเรียน ว่ามีสาเหตุจากความกลัว และวิตกกังวลไม่ใช่แกล้งทํา งดการลงโทษข่มขู่และเฆี่ยนตี มีความจําเป็นที่จะต้องให้เด็กกลับ ไปเรียนหนังสือให้เร็วที่สุด อธิบายผลเสียที่จะเกิดตามมา ถ้าเด็กขาดเรียนนานๆ จะช่วยให้พ่อแม่ รู้สึกผิดน้อยลง
- แนะนําวิธีการนําเด็กกลับสู่โรงเรียนและวิธีปฏิบัติตัว ถ้ามีปัญหาทางอารมณ์ต่อกัน
- ประสานกับครูประจําชั้น กําหนดวันให้เด็กกลับไปเรียน
- หลีกเลี่ยงการต่อสู้เอาชนะเรื่องเล็กน้อย เช่น การตื่นนอน การอาบนํ้า การแต่งตัว และการรับประทานอาหารเช้า
- เมื่อถึงเวลาไปโรงเรียนพาเด็กไปด้วยกัน พ่อแม่ควรมีท่าทีหนักแน่น จริงจัง พูดกับ เด็ก ดีๆ ว่าเด็กจําเป็นต้องไปโรงเรียน
- ถ้าเด็กร้องไห้อย่างมากให้กอดรัดเด็กไว้พูดปลอบโยน ถ้าเด็กดิ้นรนขัดขืน จําเป็นต้องจับตัวให้แน่น เพื่อให้เด็กสงบ ไม่จําเป็นต้องข่มขู่หรือลงโทษเด็ก
- พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องหนักแน่น ไม่ใจอ่อนยอมตามเด็ก เพราะเด็กจะมีข้ออ้างและมีเหตุผลมากมายเพื่อต่อรอง ขอผัดผ่อนเป็นวันรุ่งขึ้นหรือวันอื่นๆ ไม่ควรถามยํ้าเกี่ยวกับการไป โรงเรียนเพราะจะทําให้เด็กกังวล ให้การช่วยเหลือเรื่องการเรียนและการบ้านเท่าที่จําเป็น
- เมื่อถึงโรงเรียนนําเด็กส่งครูประจําชั้นหรือครูที่เด็กชอบ ผู้ปกครองควรกลับทันที และโดยบอกเด็กว่าจะมารับกลับเมื่อโรงเรียนเลิก บอกเด็กด้วยท่าทีที่มั่นคง ไม่หลอกเด็กหรือ หลบหนีเด็กไป และรีบมารับตามกําหนดเวลาเพราะเด็กจะกังวลกลัวถูกทอดทิ้ง ถ้าปล่อยให้เด็ก คอยนานๆ เด็กจะยิ่งกลัวและจะไม่ยอมไปโรงเรียนอีก
- ในบางรายอาจต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านหรือญาติเพื่อนำเด็กส่งโรงเรียน
- กรณีที่เด็กมีอาการวิตกกังวลอย่างมาก (panic) อาจจําเป็นต้องใชวิธี desensitization โดยระยะแรกอนุญาตให้ผู้ปกครองอยู่ด้วยที่โรงเรียน ต่อมาผู้ปกครองค่อยๆ ลดเวลานั่งเฝ้าที่โรงเรียนลงจนกระทั่งไมตองนั่งเฝ้าอีกต่อไป
- ถ้าเด็กร้องไห้รบกวนชั้นเรียนหรือบ่นปวดหัว ปวดท้องให้พาเด็กมาโรงเรียนตาม ปกติอนุญาตให้เด็กอยู่ที่ห้องพยาบาลหรือห้องที่ไม่รบกวนนักเรียนคนอื่น มอบหมายงานให้เด็ก ทําเล็กๆ น้อยๆแต่จะไม่ให่เด็กเล่นเกมหรือมีสิทธิพิเศษอื่นๆ
- เมื่อเด็กมาโรงเรียนครูและเพื่อนให้การต้อนรับและให้ความช่วยเหลือเรื่องการเรียน และการบ้านหรืออาจผ่อนปรนเรื่องการบ้านบ้าง แต่ไม่ควรให้เพื่อนคนอื่นทราบว่าเด็กได้รับสิทธิพิเศษ ให้คําชมเชยเมื่อเด็กทํางานได้ดีและเข้ากลุ่มเพื่อนๆ ได้
- ผู้ปกครองจะต้องพบแพทย์หรือทีมงานอย่างสมํ่าเสมอเพื่อช่วยเหลือให้เด็กไปโรง เรียนหรือปัญหาอื่นๆ เพราะเด็กอาจมีปัญหาไม่ยอมไปโรงเรียนได้อีกถ้ามีความกดดันเรื่องอื่นๆ หรือหลังวันหยุดติดต่อหลายวัน
4. การใช้ยา กรณีที่เด็กวิตกกังวลอย่างมาก อาจใช้ยา diazepam ขนาด 2-5 มก. ตอนเช้าและก่อนนอน ในกรณีที่เด็กมีอาการซึมเศร้า อาจต้องใช้ยา imipramine ขนาด 25-100 มก.ต่อวัน หรือยาแก้ซึมเศร้าชนิดอื่นๆ จะช่วยลดความวิตกกังวลและซึมเศร้าได้
5. การติดตามผล ควรนัดเด็กมาติดตามผลการรักษาเป็นระยะๆ เพราะเมื่อเกิดความ กดดันเด็กอาจมีปัญหาได้อีก ทีมงานสามารถให้การช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาได้ตั้งแต่เริ่มแรก
6. การย้ายโรงเรียน โดยมากเด็กจะถูกแนะนําให้ย้ายโรงเรียนและมักไม่ประสบผลสําเร็จเพราะจะเกิดปัญหาแบบเดิมอีก เมื่อเด็กต้องปรับตัวกับเพื่อนใหม่หรือครูคนใหม่ จะพิจารณาย้ายโรงเรียน เมื่อมีความกดดันจากทางโรงเรียนอย่างมาก ทางโรงเรียนไม้ให้ความร่วมมือทําให้เด็กไม่สามารถปรับตัวที่โรงเรียนได้
7. การส่งปรึกษาจิตแพทย์ จะทําในกรณี
- มีปัญหาในครอบครัวที่ซับซ่อน
- เด็กมีพยาธิสภาพทางจิตอย่างรุนแรง
- เด็กมีอาการวิตกกังวลและซึมเศร้าอย่างมาก อาละวาดและขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย
- เด็กบังคับขู่เข็ญผู้ปกครองมากเกินไปจนไม่สามารถควบคุมได้
- เด็กกับพ่อแม่ผูกพันกันมากอย่างไม่เหมาะสม ทําให้เด็กไม่พัฒนาทางด้านอารมณ์ และไม่เป็นตัวของตนเอง
ขอขอบคุณข้อมูล
1. วัณเพ็ญ บุญประกอบ. เด็กไมอยากไปโรงเรียน. ใน: วัณเพ็ญ บุญประกอบ, บรรณาธิการ. ภาวะเรง ดวนในจิตเวชเด็กและวัยรุน. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพชวนพิมพ, 2534:29-36.
2. Barker P. School refusal. In: Barker P, ed. Basic child psychiatry. 5th ed. Oxford: Blackwell Scientific Publication, 1988:111-5.
3. Berstein GA. School refusal. In: Garfinkel BD, Carlson GA, Weller EB, eds . Psychiatric disorders in child and adolescents. Philadelphia: WB Saunders, 1990: 70-1.
4. Hersov L. School refusal. In: Rutter M, Hersov L, eds. Child and adolescent psychiatry: Modern approach. Oxford: Blackwell Scientific Publication, 1985:382-99.
5. Graham P, Turk J, Verhult F. Child psychiatry: A developmental approach. London: Oxford University Press, 1999: 220-3.
6. เบญจพร ปัญญายง.เด็กไม่อยากไปโรงเรียน
7. คู่มือการดูแลผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวชสําหรับแพทย์. มาโนช หล่อตระกูล บก. กรมสุขภาพจิต 2544
#เสริมพัฒนาการ, #ของเล่น #ฝึกพัฒนาการเด็ก, #พัฒนาการเด็ก, #ทักษะการเรียนรู้, #เสริมพัฒนาการเด็ก, #เสริมทักษะ, #brainschool, #ของเล่นฝึกสมาธิเด็ก, #ของเล่นเสริมพัฒนาการ, #ของเล่นพัฒนาสมอง, #ฝึกพัฒนาการลูกน้อย, #เสริมทักษะลูกน้อย,#ลูกพูดช้า, #ลูกไม่พูด, #โรงเรียนเสริมพัฒนาการ,#โรงเรียนเสริมทักษะนนทบุรี, #เรียนเสริม, #สมาธิซนอยู่ไม่นิ่ง #เด็ก2ขวบ #เด็ก3ขวบ #เด็ก4ขวบ#เด็ก5ขวบ #เด็ก6ขวบ📚#คอร์สพัฒนาศักยภาพสมองเชาวน์ปัญญา #เสริมพัฒนาเด็กปฐมวัย 2-6 ปี