ทำความรู้จักสมองและการบริหารสมอง
1. โครงสร้างของสมอง
สมองเป็นโครงสร้างที่มหัศจรรย์ของมนุษย์ และเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดในร่างกายของเรา เพราะมนุษย์จะสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้นั้น ต้องอาศัยสมองและระบบประสาทพื้นฐานในการรับรู้ สมองจะควบคุมเกี่ยวกับสติปัญญา ความคิด การเรียนรู้ ความฉลาด พฤติกรรมบุคลิกภาพแล้ว สมองยังทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะอื่นๆด้วย เช่น การทำงานของหัวใจ ระบบภูมิคุ้มกันและฮอร์โมนต่างๆ ถ้าปราศจากสมองคนเราไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ (ศันสนีย์ ฉัตรคุปต์ 2541 :1 )
1.1 โครงสร้างสมอง
วิทยากร เชียงกูล (2547 : 23 – 25 ) ได้กล่าวถึงโครงสร้างของสมองว่า สมองมีส่วนที่สำคัญ 3 ส่วน
ส่วนที่ 1 คือ ก้านสมอง (Brain stem) หรือสมองระดับสัตว์เลื้อยคลาน สมองส่วนนี้เป็นที่รับและถ่ายทอดข้อมูลจากประสาทสัมผัสต่างๆและควบคุมดูแลเรื่องพื้นฐาน เช่น การหายใจ จังหวะการเต้นของหัวใจ เป็นส่วนที่ไม่มีความคิดหรือความรู้สึก
ส่วนที่ 2 ซีรีเบลลัม (Cerebellum) อยู่ด้านหลังก้านสมอง มีความสามารถ ระดับสูงขึ้นมา เป็นส่วนที่จะช่วยประสานกล้ามเนื้อต่างๆ ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหว รวมทั้งดูแลความจำเรื่องการเคลื่อนไหวด้วย
ส่วนที่ 3 ซีรีบลัม (Cerebrum) คือส่วนที่ใหญ่ที่สุดของสมอง (ราว 80%) มีลักษณะคล้ายลูกวอลนัท ผ่าครึ่งสองซีกที่อยู่คู่กัน สมองส่วนนี้เป็นส่วนที่ทำงานที่สำคัญระดับสูงในเรื่องการคิด การรู้สึกและการจำ ซึ่งนำไปสู่การเรียนรู้และพฤติกรรมต่างๆ ซีรีบรัมแบ่งเป็น 4 บริเวณ คือส่วนหน้าท้ายทอย (Frontal Lobe) ทำงานเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหานามธรรมส่วนข้างท้ายทอย (Parietal Lobe) ช่วยกระบวนการสื่อสารจากประสาทสัมผัสต่างๆ ส่วนหลังท้ายทอย (Occipital Lobe) ควบคุมการมองเห็น (Temporal Lobe) ควบคุมการจำ การได้ยินและภาษา
นอกจากนี้ พอล มาคลีน (อ้างถึงใน กมลพรรณ ชีวพันธุศรี. มปป : 22-24)
ได้แบ่งสมองตามระดับความคิดออกเป็น 3 ส่วน คือ
(1) ก้านสมอง (The Brain Stem)
ก้านสมองหรือสมองเพื่อความอยู่รอด เป็นสมองส่วนแรกที่จะพัฒนาในช่วงชีวิตของการปฏิสนธิ
เป็นสมองสำหรับคิดเพื่อการอยู่รอดเท่านั้น มิได้มีไว้คิดเพื่อการอื่นที่ซับซ้อนกว่า ข้อมูลข่าวสารทั้งหมดจะผ่านก้านสมองก่อนที่จะไปส่วนอื่นๆของสมองที่ทำหน้าที่คิดในสิ่งที่ซับซ้อนกว่า (Higher – Order thinking) เชื่อว่าทุกครั้งที่เราต้องสู้หรือตกใจ หรือหลีหนี ก้านสมองจะทำหน้าที่ควบคุมร่างกายของเราในการตอบสนองสิ่งนั้น เช่น ให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น
(2) สมองชั้นใน (The Limbic Brain)
สมองส่วนที่ 2) สมองชั้นใน อยู่ระหว่างสมองชั้นนอกและก้านสมอง เป็นสมองส่วนที่เกี่ยวกับ
อารมณ์ความรู้สึก จากการวิจัยเมื่อเร็วๆนี้ พบว่าสมองส่วนนี้ถือเป็นสมองส่วนที่สำคัญเช่นกัน สมองส่วนนี้ทำงานสำหรับคำสั่งที่ซับซ้อนขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง สมองชั้นในจะทำหน้าที่รักษาสมดุลของร่างกาย ควบคุมการรับประทาน การนอนหลับ ระดับฮอร์โมนในร่างกายและอารมณ์ความรู้สึก ดังนั้นสมองชั้นในจะรับคำสั่งเฉพาะระดับที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น การเป็นเหตุผล หรือตรรกศาสตร์
(3) สมองชั้นนอก (The Neocortex)
สมองส่วนที่ 3) และเป็นระดับความคิดที่ซับซ้อนที่สุด นั่นคือ สมองชั้นนอก (Neocortex) เป็น
สมองระดับสูงสุดในการจัดลำดับความซับซ้อน ทำหน้าที่เกี่ยวกับการคำสั่งที่สลับซับซ้อนมากขึ้น เกี่ยวกับการอ่าน การวางแผน การวิเคราะห์ การสังเคราะห์และการทำการตัดสินใจ ซึ่งเป็นสมองส่วนที่ทุกคนจะต้องใช้มากที่สุดในการศึกษาหาความรู้ และที่นี่คือ คลังเก็บข้อมูลที่เราจะนำความรู้มาใช้ในการคิดสิ่งต่างๆ
1.2 พื้นฐานสมอง
วิทยาการ เชียงกูล (2547 : 16 - 19) ได้กล่าวว่า สมองเป็นกลุ่มเซลล์ประสาท (Neuron) จำนวนประมาณ
1 แสนล้านเซลล์ และเซลล์ประกอบหรือเซลล์สนับสนุน (Glia Cell) ทำหน้าที่คล้ายแม่บ้านอีกจำนวนถึงราว 10 -50 เท่าของเซลล์ประสาท สมองเป็นเนื้อเยื่อสีเทาและยาว รูปร่างคล้ายเห็ดอยู่ภายในกะโหลกศีรษะ มีน้ำหนักเพียงราว 1.5 กิโลกรัม หรือ 3 ปอนด์ จากการค้นคว้ารวบรวมความรู้เกี่ยวกับสมองใหม่ๆ พบว่า เราอาจเปรียบสมองเหมือนกับระบบนิเวศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา (Active Ecosystem) หรือป่าทั้งป่าที่มีการเจริญเติบโตเปลี่ยนแปลงทุกวินาที โดยส่วนต่างๆ ต่างก็มีชีวิตและลักษณะเฉพาะของตนและต่างคนต่างทำงาน แต่ก็มีการเชื่อมโยงกันน่าอัศจรรย์
กล่าวโดยสรุป สมองเป็นกลุ่มของเซลล์ประสาท จำนวนประมาณ 1 แสนล้านเซลล์ ซึ่งมีโครงสร้างที่สำคัญ 3 ส่วน ที่ทำหน้าที่แตกต่างกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสมองแต่ละส่วนจะทำงานแบ่งแยกกันโดยสิ้นเชิง แต่กลับจะทำงานประสานสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ ซึ่งสมองจะทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ทุกส่วนของสมองจะต้องได้รับการพัฒนาไปพร้อมๆกันอย่างสมดุล
2. สมองกับการเรียนรู้
การที่มนุษย์สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ นั้นต้องอาศัยสมองและระบบประสาทเป็นพื้นฐานของการรับรู้ (Perception) รับความรู้สึกจากอวัยวะรับความรู้สึก คือ การเห็น การได้ยิน การสัมผัส การรับรสและกลิ่น พัฒนาการของเด็กในแบบบูรณาการของการพัฒนาระบบประสาทแห่งการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดตามศักยภาพของเด็กแต่ละคน มีความสามารถรับรู้ข้อมูลได้สูงและเพื่อเป็นพื้นฐานแห่งการเรียนรู้ที่สูงขึ้น ซึ่งการทำงานของสมองจะต้องเกี่ยวข้องกับส่งต่อไปนี้
2.1 เซลล์สมอง (Neuron)
พัชรีวัลย์ เกตุแก่นจันทร์ (254 : 11 – 13) ได้กล่าวว่า สมองของมนุษย์เมื่อแรกเกิดแต่ละคนจะมีเซลล์
สมองประมาณร้อยล้านล้านเซลล์ครบถ้วนพอๆ กับจำนวนเซลล์สมองของผู้ใหญ่ แต่มีน้ำหนักเพียงหนึ่งในสี่ของสมองผู้ใหญ่เท่านั้น เซลล์สมองจะไม่มีการเพิ่มจำนวน หากแต่มีการเพิ่มขนาด และเพิ่มจำนวนขนาดของเดนไดรท์ (Dendrite) การเปลี่ยนแปลงรูปร่างและความยาวพร้อมกับมีพัฒนาการทางคุณภาพของแต่ละเซลล์ จึงทำให้สมองมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
พัฒนาการของสมองมีส่วนหนึ่งที่พัฒนาแล้วก่อนคลอดประมาณ 30 % และส่วนเปลือกสมอง (Cortex) ซึ่งจะพัฒนาต่อไปหลังคลอด ในช่วงปฐมวัยนี้จะมีการพัฒนาถึง 70 % สมองของมนุษย์เป็นเด็กอยู่นานกว่าสมองของสัตว์ สมองใช้เวลาประมาณ 6 – 8 ปี จึงจะมีเซลล์ประสาทมาก พร้อมที่จะเรียนรู้ได้เร็วกว่า มากกว่าคนที่มีการเชื่อมโยงของเซลล์ประสาทสมองน้อย และยังพบว่าสารเคมีในสมองก็มีบทบาทสำคัญที่มีผลต่อการเรียนรู้ของคนเรา โดยเฉพาะเรื่องความสุข ความเศร้าและความจำ นั่นหมายความว่า ถ้าพ่อแม่ ครู ผู้ปกครองจัดกิจกรรมให้เด็กได้เรียนรู้อย่างมีความสุข จะมีการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมอง ที่ทำให้มีความสุข ส่งผลให้เกิดความกระตือรือร้น สนใจไขว่คว้าที่จะเรียนรู้ ทำให้มีการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น ในทางตรงกันข้ามถ้าเด็กเกิดความเศร้าก็จะมีการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมองทำให้เด็กเกิดความเครียด ไม่สามารถตั้งใจทำงานหรือเรียนรู้สิ่งต่างๆได้ ดังนั้นในการจัดกระบวนการเรียนรู้จึ้งต้องคำนึงถึงสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นด้วย
3. การทำงานของสมองซีกซ้ายและซีกขวา
โรเจอร์ สปอร์รีย์ และโรเบิร์ด ออร์สไตล์ จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย ได้ค้นพบว่า สมอง
ของมนุษย์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน ได้แก่สมองซีกซ้ายและสมองซีกขวา ซึ่งสมองแต่ละซีกจะควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ และมีหน้าที่แตกต่างกัน (กิตติชัย สุธาสิโนบล. 2546 : 2)