ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ PM10 (พีเอ็ม 10) และ PM 2.5 (พีเอ็ม 2.5)
ผลกระทบต่อสุขภาพ
ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเราได้นั้น คือ ฝุ่นที่นักวิชาการเรียกว่า PM10 (พีเอ็ม 10) และ PM 2.5 (พีเอ็ม 2.5) ฝุ่น PM10 มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 10 ไมครอน หรือมีขนาดเท่ากับ1 ใน 20 ของเส้นผม มีขนาดเล็กมากจนเรามองไม่เห็น ส่วนฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กกว่า PM10 และเมื่อหายใจที่มีฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้เข้าไปในร่างกาย จะเข้าถึงถุงลมในปอดได้ ทาให้ประสิทธิภาพในการทางานของปอดลดลง การแลกเปลี่ยนอากาศน้อยลง ส่งผลให้หายใจสั้นและหัวใจทางานหนักมากขึ้นเพื่อทดแทนปริมาณการแลกเปลี่ยนก๊าซที่ลดลง ยิ่งผู้ที่มีปัญหาของโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจ จะยิ่งมีผลกระทบมากขึ้น นอกจากนั้นฝุ่นละอองขนาดเล็กเหล่านี้ ยังเป็นพิษต่ออวัยวะต่าง ๆ โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นปอด ตับ และไต ถ้าเป็นฝุ่นละอองที่เป็นอนุภาคของกรด เช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เมื่อเข้าไปในระบบทางเดินหายใจ อนุภาคของกรดจะรวมกับความชื้นในระบบทางเดินหายใจ กลายเป็นซัลเฟตและกลายเป็นกรดซัลฟุริคที่เป็นสารกัดกร่อน ก่อให้เกิดการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ และลดความสามารถของร่างกายในการจัดการเชื้อแบคทีเรีย ทาให้เกิดการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจได้ง่ายขึ้น และที่สาคัญฝุ่นละอองเหล่านี้ทาให้เกิดโรคร้ายอย่างมะเร็งได้
นอกจากนี้ มีการศึกษาพบว่า หญิงมีครรภ์ ที่ได้รับฝุ่นละอองขนาดเล็กเข้าสู่ร่างกายเป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของลูกในครรถ์ได้ เนื่องจากฝุ่นละอองขนาดเล็กเหล่านี้ซึมเข้าสู่กระแสเลือดผ่านทางรก ส่งผลให้ทารกเมื่อเกิดมามีน้าหนักน้อยผิดปกติ และอาจมีผลกระทบต่อพัฒนาการและระบบสมองของลูกได้
สรุปอันตรายของฝุ่นละอองขนำดเล็กต่อระบบทำงเดินหายใจ
๑. อาจทาให้มีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ จาม มีน้ามูก จนถึงการอักเสบของไซนัส เจ็บคอ ไอแบบมีเสมหะ มีไข้ หรืออาจมีอาการของระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น หายใจลาบาก เจ็บหน้าอก หรือหายใจมีเสียงดังหวีดเนื่องจากการหดตัวของหลอดลม เป็นต้น
๒. ปอดเป็นพังผืดจากการระคายเคืองเรื้อรัง (Pneumoconiosis)
๓. โรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis) โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคหัวใจเป็นโรคประจาตัวอยู่แล้ว เมื่อเกิดโรคหลอดลมอักเสบหรือปอดบวม จะซ้าเติมให้การทางานของหัวใจแย่ลง จนเกิดหัวใจวายได้
๔. ผลการวิจัย (อ้างอิงจาก EPA) พบว่าหากร่างกายได้รับการสัมผัส PM2.5 ปริมาณมากและสัมผัสเป็นระยะเวลานาน มีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทาให้หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน มีผลต่อโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังในเด็ก (เช่น หอบหืด) มีผลต่อน้าหนักเด็กแรกเกิดที่ลดลง และตายก่อนวัยอันควร
๕. มะเร็งของระบบทางเดินหายใจ ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีส่วนผสมของสารบางอย่าง เช่น Arsenic, Nickel Chromate, Poly aromatic hydrocarbon (PAH) และสารกัมมันตรังสี เมื่อสัมผัสกับเนื้อปอด อาจทาให้เป็นมะเร็งปอดได้ และถ้าสารดังกล่าวมีคุณสมบัติละลายน้าได้ จะไปสู่อวัยวะต่าง ๆ นอกปอด และอาจทาให้อวัยวะเหล่านั้นเกิดมะเร็งได้เช่นกัน
ข้อแนะนำสำหรับกำรดูแลป้องกันสุขภำพเมื่อเกิดควันไฟหรือหมอกควัน มีดังนี้
กำรดูแลตนเอง
1. ติดตามสถานการณ์มลพิษอยู่เสมอ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และหลีกเลี่ยงสถานที่มีควันไฟหรือหมอกควัน
2. รักษาความสะอาดโดยใช้น้าสะอาดกลั้วคอ แล้วบ้วนทิ้งวันละ ๓ – ๔ ครั้ง
3. งดเว้นการสูบบุหรี่ และงดกิจกรรมการเผาที่จะเพิ่มปัญหาควันมากขึ้น
4. หลีกเลี่ยงการออกกาลังกายกลางแจ้งและการทางานหนักที่ต้องออกแรงมากในบริเวณที่มีหมอกควัน
5. กรณีที่จาเป็นต้องอยู่ในบริเวณที่มีฝุ่น ควัน ควรใช้หน้ากากอนามัยปิดปากและจมูก หรือใช้ผ้าที่ทาจากฝ้ายหรือลินินนามาทบกันหลายชั้นคาดปากและจมูกแทนหน้ากาก และควรใช้น้าพรมที่ผ้าดังกล่าวให้เปียก
หมาดๆ เพื่อช่วยซับกรองและป้องกันฝุ่นละอองได้ดีขึ้น และควรเปลี่ยนใหม่หากหน้ากากสกปรกหรือเริ่ม
รู้สึกอึดอัดหายใจไม่สะดวก
6. หากสูดดมและอยู่ในบริเวณที่มีหมอกควัน เมื่อมีอาการผิดปกติของระบบหายใจและการมองเห็น ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
กำรดูแลคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง
๑. ให้การดูแลอย่างใกล้ชิดและหมั่นสังเกตอาการผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก คนชรา ผู้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ หอบหืด ภูมิแพ้ และโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด หากพบอาการผิดปกติให้รีบนาตัวส่งสถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อรับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที
๒. ให้คาแนะนาแก่ผู้ป่วยโรคปอด หอบหืด โรคหัวใจ เด็ก หญิงตั้งครรภ์และคนชรา ให้พักผ่อนอยู่ในบ้านรวมทั้งควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จาเป็นให้พร้อมการดูแลบ้ำนเรือน
๑. หากที่พักอาศัยไม่มีระบบระบายอากาศหรือระบบปรับอากาศ (คือการถ่ายเทอากาศ เข้า – ออก ในอาคาร)
ต้องปิดประตูหน้าต่างไม่ให้ควันไฟหรือหมอกควันเข้ามาในอาคาร แต่หากมีระบบปรับอากาศหรือระบบกรองอากาศจากภายนอกเข้าสู่อาคารควรเปลี่ยนหรือหมั่นล้างระบบกรองอากาศเป็นประจา
๒. การเปิดพัดลมในอาคารบ้านพัก ควรเป่าลงกระทบผิวน้าก่อน จะช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศได้
๓. งดการรองรับน้าฝนไว้ใช้อุปโภคชั่วคราว แต่ถ้าหากจาเป็นต้องรองน้า ควรรองน้าไว้ใช้ในช่วงเวลาที่มั่นใจว่าน้าฝนชะล้างสารมลพิษทางอากาศ ในบรรยากาศหมดไปแล้ว
กำรดูแลชุมชน
๑. ช่วยกันดูแล ไม่ให้เผาขยะ เศษใบไม้ กิ่งไม้ หญ้าทุกชนิด หรือสิ่งใดที่ทาให้เกิดควันไฟหรือหมอกควันมากยิ่งขึ้น
๒. ดับเครื่องยนต์ของยานพาหนะทุกชนิดทุกครั้งเมื่อจอด
๓. หลีกเลี่ยงการใช้ยานพาหนะที่เป็นเครื่องยนต์หรือใช้ในกรณีจาเป็น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในลดมลพิษทางอากาศบทบำทของหน่วยงำนท้องถิ่นหรือหน่วยงำนระดับจังหวัด
๑. ควบคุม ดูแลแหล่งกาเนิดควันไฟ เช่น กิจกรรมการเผาในชุมชน การเผาในที่โล่ง เป็นต้น
๒. ช่วยเพิ่มความชื้นในบรรยากาศ เช่น การรดน้าต้นไม้ เป็นต้น
๓. ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดหรือควบคุมแหล่งกาเนิดหมอกควัน เช่น ควบคุมสถานที่หรือแหล่งการเผาในชุมชน การเผาในพื้นที่เกษตรกรรม
๔. ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนลดการก่อมลพิษทางอากาศ
๕. ให้ความรู้ในการปฏิบัติตัวแก่ประชาชน
ข้อมูลจาก
กองประเมินผลกระทบต่อสุขภำพ กรมอนำมัย กระทรวงสำธำรณสุข