ปัญหาพฤติกรรม และอารมณ์ในเด็ก และแนวทางแก้ไขตามหลักการปรับพฤติกรรมทางด้านจิตวิทยา
พฤติกรรมก้าวร้าว
1.จับมือเด็กไว้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพื่อให้เด็กหยุดทำพฤติกรรม แล้วพาเด็กไปอยู่ในมุมหรือห้องที่เงียบสงบไม่มีของเล่น ของที่เด็กชอบหรือของที่อาจเป็นอันตรายกับเด็ก
2.ไม่ตำหนิ ประชดประชัน ดุด่า เนื่องจากเด็กอาจไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้เลี้ยงดูต้องการให้เด็กทำ บอกสิ่งที่เด็กควรทำเช่น เด็กที่กำลังตบหน้าตัวเอง ให้จับมือเด็กด้วยสีหน้าสงบ บอกเด็กว่า “เอามือลง”
3.ไม่ลงโทษรุนแรงเพื่อให้เด็กหยุด เพราะอาจทำให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น ถ้าเด็กตอบโต้ไม่ได้อาจทำให้เด็กรู้สึกกดดัน เก็บกดเสียใจ ซึมเศร้า และเกิดเป็นพฤติกรรมรุนแรงต่อเนื่อง นอกจากนั้นเด็กอาจจะเกิดการเรียนรู้การแก้ปัญหาโดยใช้กำลัง
4.เมื่อเด็กใช้พฤติกรรมรุนแรงเพื่อเรียกร้องหรือต่อรองให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ อย่าให้ในสิ่งที่ต้องการ ควรหยุดพฤติกรรมโดยจับมือเด็กไว้ เมื่ออารมณ์สงบจึงชวนให้เด็กทำกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ
5.หากครั้งใดที่เด็กอารมณ์ดี หรือไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าวให้รีบให้รางวัล การเสริมแรง
พฤติกรรมแยกตัว ไม่สนใจเล่นกับเพื่อน
1.พาเด็กไปเล่นกับเด็กคนอื่น
2.สอนการเล่นกับเด็กอื่นให้ดู เช่น จับมือหยิบของเล่นแล้วยื่นให้เด็กอื่น แบ่งขนมให้เด็กอื่น
3.พาเด็กไปร่วมกิจกรรมกลุ่มที่มีเด็กวัยเดียวกันอยู่ เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวนสาธารณะ
4.ถ้าเด็กเดินเข้าไปหาเด็กอื่น รีบให้รางวัลเพื่อเป็นสิ่งเสริมแรง
5.ให้ญาติหรือคนใกล้ชิดที่มีช่วงวัยใกล้เคียงกันชวนเด็กไปเล่นบ้าง
อารมณ์ฉุนเฉียว
1.ไม่พูดตอกย้ำ หรือตำหนิพฤติกรรมของเด็ก
2.จับมือเด็กไว้เบาๆ แสดงสีหน้าเรียบเฉย พร้อมบอกเด็กว่า “ลุกขึ้น” ออกแรงดึงเล็กน้อย ถ้าเด็กต้านไม่ควรดึงเด็กขึ้นมา แต่ยังจับมือเด็กไว้
3.ให้เด็กนั่งเก้าอี้ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันและค่อยๆเพิ่มระยะเวลาการนั่งทำกิจกรรม
4.ถ้าเด็กยังนั่งตามเวลาที่กำหนดไม่ได้หรือทำกิจกรรมไม่เสร็จ พยายามลุกเดินหนี ให้จับมือไว้เบาๆ พร้อมบอกว่า “นั่งลง” เมื่อเด็กทำให้รางวัล การเสริมแรง
5.ไม่ควรให้ของที่เด็กต้องการเมื่อเด็กแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว ควรให้เมื่อเด็กมีอารมณ์สงบลงแล้ว
6.หากครั้งใดเด็กอารมณ์ดีให้เข้าไปเล่น และให้รางวัลสิ่งเสริมแรง
พฤติกรรมแยกจากผู้เลี้ยงดูได้ยาก
1.ให้เด็กเล่นของเล่นหรือกินของที่ชอบตามลำพังหรือเล่นกับคนอื่น จากนั้นผู้เลี้ยงดูค่อยๆ แยกห่างจากเด็ก โดยยังอยู่ในระยะที่เด็กมองเห็น ค่อยๆเพิ่มระยะเวลาของการแยก จาก 1 นาที เป็น 2 นาที และเพิ่มเวลาขึ้นไปเรื่อยๆ
2.จากนั้นผู้เลี้ยงดูค่อยๆ ออกไปให้ลับสายตา แต่ยังส่งเสียงบอกหรือคุยกับเด็กอยู่ ค่อยๆเพิ่มระยะเวลาให้เด็กเห็นไปเรื่อยๆ
3.ค่อยๆลดเสียงพูดกับเด็กลง
4.เมื่อเด็กทำได้ให้รางวัล การเสริมแรง เช่น การชม กอด หอม ยิ้ม ปรบมือ หรือให้สิ่งของที่เด็กชอบ
พฤติกรรมซน ไม่อยู่นิ่ง
1.ให้เด็กนั่งเก้าอี้ในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น เล่นของเล่น กินข้าว ทำการบ้าน
2.เพิ่มระยะเวลาการนั่งทำกิจกรรมไปเรื่อยๆ
3.ถ้าเด็กยังนั่งไม่ครบตามเวลาที่กำหนดหรือทำกิจกรรมไม่เสร็จ พยายามเดิน ให้จับเด็กไว้เบาๆ พร้อมบอกว่า “ นั่งลง”
4.เมื่อเด็กเริ่มทำได้ให้รางวัล การเสริมแรง
5.พาเด็กไปทำกิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อปลดปล่อยพลังงานในร่างกาย เช่น ปลูกต้นไม้ ออกกำลังกาย เล่น
6.ลดสิ่งเร้าที่ทำให้เด็กไม่มีสมาธิ เช่น การดูโทรทัศน์ตามลำพัง เนื่องจากภาพในโทรทัศน์เป็นภาพเคลื่อนไหวเร็ว หากจำเป็นต้องดูควรมีผู้เลี้ยงดูคอยแนะนำหรือพูดคุยกับเด็กด้วย
7.จัดสิ่งแวดล้อมและสิ่งของภายในบ้านให้เป็นระเบียบวินัยให้กับเด็ก เช่น เก็บของเล่นเมื่อเล่นเสร็จ เอาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วไปใส่ตะกร้า วางรองเท้าในที่เก็บ
พฤติกรรมไม่สบตา
1.เรียกชื่อทุกครั้งเมื่อต้องการพูดคุยกับเด็กหรือต้องการให้เด็กละสายตาจากการมองแบบได้จุดหมาย
2.หากเด็กไม่หันมาเมื่อเรียกชื่อ ให้จับหน้าเด็กเบาๆให้หันมาสบตา
3.เล่นหูเล่นตา เช่น กระพริบตา ทำตาโต หรี่ตา เพื่อให้เด็กสนใจมองสบตา
4.ชมเชยเมื่อเด็กรู้จักสบตาแม้ทำได้เพียงชั่วครู่ หรือให้รางวัลเพื่อเป็นแรงเสริม
พฤติกรรมจำกัด ชอบโยกตัว สะบัดมือ
1.ไม่ด่าทอ ดุว่า ตำหนิ ประชดประชัน หรือลงโทษรุนแรง
2.เบี่ยงเบนพฤติกรรมโดยให้เด็กทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ เช่น ถ้าเด็กนั่งโยกตัวให้พาไปเล่นชิงช้า ถ้าเด็กชอบสะบัดมือให้ร้อยลูกปัดหรือเล่นลูกบิด
3.เมื่อเด็กทำได้ให้รางวัล การเสริมแรง
ขอบขอบคุณข้อมูลจาก
เอกสารให้ความรู้ ทีมนักจิตวิทยาคลินิก สถาบันราชานุกูล