เด็กที่ใช้อุปกรณ์หน้าจอมากและนานเกินไป อาจมีผลให้สมองฝ่อ พัฒนาการช้า และมีปัญหาด้านการสื่อสาร
เด็กที่ใช้เวลามากเกินไปกับอุปกรณ์หน้าจอต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ทีวี คอมพิวเตอร์ พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างทางสมอง และมีความเสี่ยงที่จะมีสติปัญญาไม่ดี ไอคิวต่ำ ความจำแย่ลงและทักษะทางความคิดไม่ดี
จากงานวิจัย The Adolescent Brain Cognitive Development (ABCD) Study ที่ค้นพบผลกระทบและข้อเสียของเทคโนโลยีที่มีต่อเด็กโดยเป็นการทำวิจัยในสมองของเด็กจำนวน 11,000 คนอายุ 9 ถึง 10 ขวบติดตามไปเป็นเวลาเกิน 10 ปี เพื่อที่จะดูว่าการใช้อุปกรณ์หน้าจอมากๆจะมีผลกระทบต่อสมองของเด็กหรือไม่
จากการวิจัยพบว่าในเด็กที่ใช้เวลากับอุปกรณ์หน้าจอมากกว่าหรือเท่ากับ 2 ชั่วโมงต่อวันจะมีผลให้ความคิดล่าช้าและการทดสอบด้านการใช้ภาษาแย่ลง และในเด็กที่ใช้นานกว่าหรือเท่ากับ 7 ชั่วโมงต่อวัน มีสัญญาณที่บ่งชี้จากการตรวจสแกนสมองของเด็กเหล่านี้พบว่าสมองฝ่อลงก่อนวัยอันควร มีผลต่อระดังไอคิวและทักษะการใช้ความคิดในการเรียนการทำงานและชีวิตประจำวัน
อย่างไรก็ตามงานวิจัยไม่ได้สรุปว่าควรใช้เวลากี่ชั่วโมงกับอุปกรณ์หน้าจอ ส่วนตัวของหมอขอยึดตามงานวิจัยที่จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นเคยทำเอาไว้ในประเทศไทย ก็คือไม่ควรใช้เกิน 1 ชั่วโมงต่อวันในวันธรรมดาและ 2 ชั่วโมงต่อวันในวันหยุดจึงจะเหมาะสมและไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสมอง หรือภาวะเสพติดหน้าจอและเด็กจะได้มีเวลาที่จะทำกิจกรรมอื่นเพิ่มด้วย
อย่างไรก็ตามผู้วิจัยบอกว่า การจะสรุปผลชัดเจต้องการเวลาในการติดตามผลกระทบมากขึ้น สำหรับหมอคิดว่าสามารถให้เด็กและวัยรุ่นใช้อุปกรณ์เหล่านี้ได้ แต่ต้องอยู่ในขอบเขตเหมาะสม พ่อแม่มีเวลากำกับดูแลให้ความใกล้ชิด เด็กเชื่อฟังว่าใช้ภายในระยะเวลาเท่าไหร่ๆ ไม่ใช้อุปกรณ์เหล่านี้เป็นพี่เลี้ยงเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 2 ขวบ ทางสมาคมกุมารแพทย์อเมริกันได้ออกคำเตือนชัดเจนว่าไม่ควรให้สัมผัสอุปกรณ์หน้าจอเหล่านี้เลย เพราะจะมีผลเสียมากกว่าผลดี ทำให้เด็กมีพัฒนาการล่าช้าด้านการสื่อสาร สังคม อารมณ์ ฯลฯ
ขอนำสาระดีๆ จากหมอมินบานเย็น
#พัฒนาการช้า #สมาธิสั้น #พูดช้า
เกี่ยวกับงานวิจัยที่กล่าวถึงสามารถไปอ่านรายละเอียดได้ในลิงก์นี้ค่ะ
https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1053811918320123?via%3Dihub
https://www.nih.gov/news-events/news-releases/abcd-study-completes-enrollment-announces-opportunities-scientific-engagement
https://abcdstudy.org/
#หมอมินบานเย็น