พัฒนาการทางสมองเด็กทารก (แรกเกิด- 1 ปี)
ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาทองของการอบรมเลี้ยงดูลูกเนื่องจากตั้งแต่แรกเกิดเด็กมีพัฒนาการทางสมองที่สำคัญดังนี้
1.ด้านกระบวนการทางจิตประสาท เด็กมีพัฒนาการในเรื่องความจำ การเรียนรู้ ความสนใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการทำงานที่สมบูรณ์ด้านอื่นๆของสมอง
2.ด้านการควบคุมอารมณ์ ความรู้สึก เป็นการทำหน้าที่ของสมองส่วน Lymbic system
3.ด้านการพัฒนาการตัวแบบของตนเองและผู้อื่น ในวัยนี้เด็กจะเรียนรู้การมีสัมพันธภาพกับผู้อื่น และเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาความคิดเกี่ยวกับตนเอง
4.ด้านรูปแบบของความรักความผูกพัน เด็กวัยนี้จะเรียนรู้เรื่องรูปแบบของความรัก ความผูกพัน ซึ่งจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพของเด็กและเป็นแนวทางให้เด็กเข้าใจเรื่องการมีสัมพันธภาพกับผู้อื่น สมองส่วนหน้าซีกขวาและสมอง Lymbic system เป็นส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ด้านการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมโดยการทำงานของวงจรสารเคมีในสมอง ซึ่งจะทำให้เด็กเข้าใจการสื่อสารด้านอารมณ์กับผู้อื่น และวงจรการทำงานของสารเคมีในสมองนั้นจะมีการพัฒนาเมื่อพ่อแม่มีปฏิสัมพันธ์กับลูก
5.ด้านการจัดการกับความเครียด ขบวนการจัดการกับความเครียดของเด็กวัยนี้ยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ โยปกติเมื่อร่างกายมีความเครียดจะมีการหลั่งฮอร์โมนเกี่ยวกับความเครียดหลายชนิด เช่น ฮอร์โมนคอร์ติซอล และฮอร์โมนอะดรีนาลิน ซึ่งในผู้ใหญ่สมองส่วนไฮโปธาลามัส เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดโดยการหลั่งของฮอร์โมนอะดราลิน แต่ เด็กเล็กก็ยังไม่มีระบบควบคุมในระยะแรกจึงได้รับการกระทบกระเทือนได้ง่ายจากฮอร์โมนความเครียดเหล่านี้ ดังนั้นความเครียดระดับสูงๆ จึงมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็กเล็ก
6.ความสามารถที่จะใกล้ชิดสนิทสนมและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เด็กจะเรียนรู้ที่จะใกล้ชิดคนอื่น เด็กต้องการสัมพันธภาพเชิงบวกเพื่อพัฒนาตนเองไปสู่การไว้วางใจผู้อื่น ถ้าเด็กวัยนี้ไม่สามารถเรียนรู้ที่จะสร้างความไว้วางใจผู้อื่นที่จะก่อให้เกิดผลเสียต่อเด็กในระยะยาว
เด็กเกิดมาพร้อมด้วยเซลล์สมองจำนวนมากมาย แต่สมองจะเจริญเติบโตได้และทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อมีการพัฒนาการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมองและการพัฒนาวงจรปฏิกิริยาของสารเคมีในสมอง เซลล์สมองจะเริ่มทำงานเมื่อได้รับการกระตุ้น แต่ต้องเป็นการกระตุ้นที่ถูกต้องและกระตุ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น การพัฒนารูปแบบการสร้างความรักความผูกพันในเด็กต้องได้รับการส่งเสริมและพัฒนาความรักความผูกพันตั้งแต่ในช่วง 3 ปีแรกของชีวิตสมองจึงจะพัฒนาได้อย่างปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งสมองต้องเรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์ทางอารมณ์ ถ้าเด็กถูกทอดทิ้งหรือไม่ได้รับความรัก ไม่ได้รับความเอาใจใส่ในช่วง 3ปีแรกของชีวิต และแม้ว่าเขาจะได้รับสิ่งเหล่านี้ในช่วงเวลาหลังจากนั้นก็ตามก็จะช้าเกินไปสำหรับการพัฒนาวงจรปกติต่างๆภายในสมอง เราจึงเรียกช่วงเวลานี้ว่า เป็นช่วงเวลาสำคัญต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก
มีผลการวิจัยหลายๆชิ้นในปัจจุบัน ทำให้เรามีความรู้ความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับพัฒนาการของสมองในระยะเริ่มแรก โดยพบว่าเด็กทารกมีความรักความผูกพันกับผู้อื่นจะมีการพัฒนาการของสมองดีกว่าทารกที่ถูกทอดทิ้งหรือถูกปล่อยปละละเลยซึ่งสมองจะมีขนาดเล็กและเซลล์ประสาททำงานเชื่อมต่อกันได้ไม่ดี ดังนั้น สมองเติบโตได้ดีที่สุดถ้าได้รับการกระตุ้นด้วยอารมณ์เชิงบวก อย่างไรก็ตาม คุณภาพและปริมาณของความรักที่เด็กได้รับจะเป็นตัวกำหนดทิศทางการเจริญเติบโตของสมอง สมองต้องได้รับการกระตุ้นอย่างเหมาะสม ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป นั่นคือพ่อแม่หรือผู้ดูแลต้องพยายามทำความเข้าใจว่าเด็กต้องการสื่ออะไรและต้องรักษาระดับความสัมพันธ์กับเด็กให้อยู่ในปฏิสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูก
อ้างอิง
ศิริสรา ลิปิพันธ์. 2551. การประเมินพัฒนาการเด็ก. พัฒนาการเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 5 ปี และคุณลักษณะของผู้ดูแล ในสถานสงเคราะห์เด็กอ่อน สังกัดกระทรวงการพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์ในภาคกลาง. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาสุขภาพจิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. หน้า 61